พระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม

พระวิหารหลวง

       
          พระวิหารหลวง  ตั้งอยู่ระหว่างมณฑปพระพุทธบาทจำลองกับหมู่กุฏิคณะ ๑ เป็นพระวิหารยกพื้นสูงเช่นเดียวกับพระอุโบสถ หลังคาลด ๓ ชั้น มุงด้วยกระเบื้องเคลือบสี หน้าบันมีรูปเทวดาถือพระขรรค์นั่งอยู่บนแท่นประดับด้วยลายกระหนก ลงรักปิดทอง ประดับกระจก มีมุขทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้านมีประตูเข้า ๓ ประตู ด้านหลังมี ๒ ประตู ผนังด้านนอกประดับด้วยกระเบื้องเคลือบลายก้านแย่งขบวนไทย ซึ่งสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงยืนยันว่า
  เป็นกระเบื้องที่รัชกาลที่ ๓ ทรงสั่งมาแต่เมืองจีน เพื่อจะใช้ประดับผนังด้านนอกพระอุโบสถ แต่ไม่งามสมพระราชหฤทัย จึงโปรดให้เอามาประดับผนังด้านนอกพระวิหารนี้ ด้านนอกของประตูและหน้าต่างทั้ง ๑๔ ช่อง ทำขึ้นใหม่ เป็นลายรดน้ำรูปดอกไม้ ผนังด้านใน เดิมคงมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เพราะเสาสี่เหลี่ยมข้างในและเรือนแก้วหลังพระประธานและบนบานประตูและหน้าต่างด้านในยังมีภาพปรากฏอยู่ แต่ปัจจุบันผนังได้ฉาบด้วยน้ำปูนสีเหลืองเสียหมดแล้ว ยังเห็นเป็นรอยเลือนลางได้บางแห่ง แต่น้อยเต็มที
        ปัจจุบันพระวิหารหลวงนี้ ใช้เป็นศาลาการเปรียญของวัดด้วย
 
 
พระพุทธชัมภูนุทมหาบุรุษลักษณาอสีตยานุบพิตร  เป็นประธานในพระวิหารหลวง ปรางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๖ ศอก หล่อด้วยทองแดงปิดทอง มีประวัติว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้หล่อขึ้นพร้อมกับพระประธานในพระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวราราม ฝั่งพระนคร ประดิษฐานอยู่บนแท่นไพทีเหนือฐานชุกชีขนาดใหญ่ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖ ทางวัดได้พบพระบรมธาตุ ๔ องค์ บรรจุในโกศ ๓ ชั้น คือ เงิน นาค และทอง เป็นชั้น ๆ โดยลำดับ อยู่ในพระเศียร เหตุที่พบก็เพราะสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดอรุณฯ
  องค์ปัจจุบัน ขณะนั้นยังดำรงสมณศักดิ์เป็นพระธรรมไตรโลกาจารย์ ได้เห็นแสงสว่างปรากฏในห้องที่จำวั และก่อนหน้านั้น พระครูใบฎีกาเจริญ ผู้เฝ้าพระวิหารได้เห็นแสงพระรัศมี ลอยฉวัดเฉวียนอยู่ที่พระพุทธรูปสำคัญ แล้วหายไปที่พระเศียรถึง ๒ ครั้ง ท่านจึงให้พระครูใบฎีกาเจริญขึ้นไปดูที่พระเศียร จึงพบพระบรมธาตุดังกล่าว เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๙๖  
          พระอรุณ หรือพระแจ้ง  เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งองค์พระและผ้าทรงครองทำด้วยทองสีต่างกัน หน้าตักกว้างประมาณ ๕๐ ซม. ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชี ด้านหน้าพระประธาน         ตามประวัติกล่าวว่า เป็นพระพุทธรูปที่ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ เมื่อปีมะเมีย พ.ศ. ๒๔๐๑ และได้นำไปประดิษฐานอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้อัญเชิญมาไว้ในพระวิหารนี้ ด้วยทรงพระราชดำริว่า มีพระนามพ้องกันกับวัด

          พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย  ประดิษฐานอยู่บนแท่นหน้าพระอรุณ หรือพระแจ้ง ในพระวิหารหลวง หน้าตักกว้างประมาณ ๗๐ ซม. พระพุทธรูปองค์นี้ เดิมอยู่ที่ศาลาการเปรียญเก่าที่รื้อไปแล้ว มีปูนพอกทั้งองค์ ไม่มีผู้ใดทราบ ภายหลังกระเทาะออก จึงได้เห็นองค์พระพุทธรูปสำริดสมัยสุโขทัย ทางวัดจึงได้อัญเชิญเข้าประดิษฐานไว้ในพระวิหารหลวง