|
|
|
|
|
|
ประตูซุ้มยอดมงกุฎ ตั้งอยู่ทางเข้าสู่บริเวณพระอุโบสถ อยู่ตรงกึ่งกลางพระระเบียงพระอุโบสถด้านตะวันออก สร้างในรัชกาลที่ ๓ เป็นประตูจตุรมุข หลังคา ๓ ชั้น เฉลียงรอบ มียอดเป็นทรงมงกุฎ ประด้วยด้วยกระเบื้องถ้วยสลับสี หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ ช่อฟ้าใบระกา หัวนาค และหางหงส์เป็นปูนประดับกระเบื้องถ้วย หน้าบันเป็นปูนประดับกระเบื้องถ้วยมีลวดลายใบไม้ดอกไม้ เชิงกลอนคอสองประดับด้วยกระเบื้องถ้วยเช่นเดียวกัน เสาในร่วมมุขหน้าไม้สัก หน้า ๕/๑๑ นิ้ว ประกับรับสะพานด้านละ ๒ อัน ๔ ด้าน |
|
์ |
|
|
ประตูซุ้มยอดมงกุฎนี้ เมื่อ ร.ศ.๑๒๔ (พ.ศ.๒๔๔๘) ในรัชกาลที่ ๕ ชำรุดทรุดโทรมมาก พระยาราชสงครามได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า ถ้าจะโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมใหม่ ก็จะต้องใช้เงิน ๑๖,๐๐๐ บาท หรือไม่ก็ต้องรื้อ เพราะเกรงจะเป็นอันตรายเมื่อเวลาเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานผ้าพระกฐินวัดนี้ และถ้าโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมทำใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะต้องเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระอุโบสถทางประตูระเบียงด้านเหนือ
ซุ้มประตูแห่งนี้ ได้ปฏิสังขรณ์ใหญ่อีกครั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘ การซ่อมครั้งนี้คงรูปเดิมไว้โดยตลอด เปลี่ยนกระเบื้องเคลือบบางส่วนและทางสีเชิงชาย ลงรักปิดทอง ประดับกระจกยอดมงกุฎ ซ่อมช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ประดับกระเบื้องเคลือบ |
|
|
 |
รูปยักษ์ยืน หน้าประตูซุ้มยอดมงกุฎมียักษ์ยืนอยู่ ๒ ตน มือทั้งสองกุมกระบองยืนอยู่บนแท่นสูงประมาณ ๓ วา ยักษ์ที่ยืนด้านเหนือ (ตัวขาว) คือ สหัสเดชะ ด้านใต้ (ตัวเขียว) คือ ทศกัณฐ์ ปั้นด้วยปูน ประดับกระเบื้องเคลือบสีเป็นลวดลายรูปลักษณะและเครื่องแต่งตัว
รูปยักษ์คู่นี้เป็นของทำขึ้นใหม่ ที่ทำไว้เก่าสมัยรัชกาลที่ ๓ นั้น เป็นฝึมือหลวงเทพ (กัน) สมเด็จฯ เจ้าฟ้าพระยานริศรานุวัดติวงศ์ตรัสว่า “หลวงเทพ..ที่ปั้นยักษ์วัดอรุณฯ คู่ที่พักเสียแล้ว เรียกว่าหลวงเทพกัน มีชื่อเดิมติด” และเรื่องหลวงเทพฯ นั้น จะเป็นหลวงเทพ (กัน) นี้ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ พระองค์นี้ได้ทรงอธิบายถวายสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพไว้ว่า |
 |
|
|
“ยักษ์วัดแจ้งนั้นเขาพูดถึงของเดิมว่าเป็นฝีมือหลวงเทพกัน แต่คำว่า กัน นั้น เป็นชื่อตัวแต่เพราะฝีมือแกดีจึงโปรดให้ปั้นไว้ รูปเก่านั้นพังไปเสียแล้ว ที่ยืนอยู่บัดนี้เป็นของใหม่ แต่ใหม่ก่อนท่านเจ้านาค (พระพิมลธรรม “นาค”) ไปอยู่เป็นแน่ เข้าใจว่ายักษ์วัดแจ้งนั้นแหละพาให้เกิดยักษ์ในวัดพระแก้วขึ้น ในที่สุดยักษ์ก็ต้องมี ที่ต้องมีนั้นจ้างเจ๊กทำก็ได้ เพราะราคาค่อยถูกหน่อย นี่ว่าถึงวัดพระแก้ว แต่ยักษ์คู่ใหม่ที่วัดแจ้งนั้นไม่ทราบ เกล้ากระหม่อมเห็นว่า ถ้าหาช่างฝีมือดีปั้นไม่ได้ ไม่ต้องมียักษ์ก็ได้ และว่า “ยักษ์วัดพระแก้วนั้นคงทำขึ้นในรัชกาลที่ ๓ เป็นประเดิม เพราะจำได้ว่าทศกัณฐ์กับสหัสเดชะนั้น เป็นฝีมือหลวงเทพรจนา (กัน) คือมือที่ปั้นยักษ์วัดอรุณ สันนิฐานว่า เพราะเวลานั้นมีช่างฝีมือดี ๆ จึงให้ทำขึ้นไว้” เรื่องรูปยักษ์คู่ที่ไม่ใช่ของเก่านั้น ท่านเจ้าคุณพระเทพมุนี (เจียร ปภสฺสโร) ได้บันทึกเรื่องยักษ์ล้มไว้เป็นใจความว่า “วันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๓ ตรงกับ วันอาทิตย์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะเมีย โทศก จุลศักราช ๑๒๙๒ กลางคืนฝนตกหนัก อสุนีบาตตกถูกยักษ์หน้าพระอุโบสถ (สหัสเดชะ) พังลงมาต้องสร้างใหม่” เวลาที่รูปยักษ์ล้มนี้ พระพิมลธรรม (นาค) เป็นเจ้าอาวาส ความจริงรูปยักษ์คู่นี้ เคยซ่อมมาหลายครั้ง ดังปรากฏในรายงานมรรคนายก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๕ ก็มีรายการซ่อมยักษ์และใน พ.ศ. ๒๔๕๖ ก็ซ่อมแขนยักษ์อีก ส่วนที่ซ่อมและสร้างใหม่นี้ สืบไม่ได้ว่าใครเป็นผู้ซ่อม ข้างยักษ์ตัวด้านเหนือ มีสิงโตหิน ๓ ตัว และข้างตัวด้านใต้มีสิงโตหินอีก ๓ ตัว เช่นเดียวกัน |
|
|